วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รถต่างประเทศ 2

Aston Martin Rapide S:อัพม้าขยับความกระฉับกระเฉง


       เงียบเหงามานานเพราะทางแอสตัน มาร์ตินมัวแต่ยุ่งอยู่กับการผลิตรถสปอร์ต
ในตระกูล DB ถึงตอนนี้เพิ่งจะมาว่างในการกระตุ้นตลาดให้กับ 
สปอร์ตซีดานในตระกูลราปิด ด้วยการเพิ่มความเร้าใจกับขุมพลังที่มีความร้อนแรงขึ้น 
เพื่อหวังเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันกับคู่ปรับอย่างปอร์เช่ พานาเมรา, ออดี้ เอส7, 
บีเอ็มดับเบิลยู M6 แกรนด์ คูเป้ และเมอร์เซเดส-เบนซ์ CLS63AMG
  
       ถ้าจะให้นับแล้ว ราปิดถือเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดในการทำตลาดรถสปอร์ต
ซีดานระดับไฮเอนด์ที่ทั้ง แรงและหรู โดยสมัยนั้นแอสตัน มาร์ติน ซึ่งยังอยู่ใน
เครือฟอร์ดได้เปิดตัวต้นแบบชื่อเดียวกันนี้ออกมาเมื่อปี 2006 แต่สุดท้ายกว่าจะ
ผลิตออกมาได้ ก็ต้องรอกันนานจนถึงปี 2009 เพราะในช่วงนั้นฟอร์ดก็ยวบยาบ
เพราะปัญหาขาดทุนสะสม และแอสตันมาร์ตินเองก็มีอนาคตไม่แน่นอน
เนื่องจากมีข่าวว่ากำลังจะถูกขายกิจการออกจาก เครือฟอร์ด
       สำหรับเวอร์ชันเอสเป็นการเปิดตัวตามหลังการเปิดตัวรุ่น ธรรมดาร่วม
 3 ปี โดยมีไฮไลท์เด่นอยู่ที่เครื่องยนต์วี12 6,000 ซีซี ในรหัส AM11 
ที่ได้รับการอัพเกรดความเร้าใจจากตัวเลขในระดับ 400 แรงม้ากลางๆ มาอยู่ใน
ระดับ 550 แรงม้า ที่ 6,750 รอบ/นาที หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 17% เมื่อเปรียบเทียบ
กับของเดิม ขณะที่แรงบิดสูงสุดขยับจาก61.1 กก.-ม. มาเป็น 63.2 กก.-ม.
 ที่ 5,000 รอบ/นาที
  
       ผลลัพธ์ที่ได้จากแรงม้าที่เพิ่มขึ้นคือ อัตราเร่งที่ดีขึ้นถึง 0.3 วินาที
เมื่อดูจากการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 4.9 วินาทีเท่านั้น
 ส่วนความเร็วปลายอยู่ในระดับ 
305 กิโลเมตร/ชั่วโมง
      
       ประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้จะได้รับการพัฒนาโดย
หน่วยงานด้านมอเตอร์ สปอร์ตอย่าง Aston Martin Racing แต่เพื่อให้สอดคล้อง
กับการใช้งานบนท้องถนนก็ต้องมีความสนใจต่อเรื่องของการ ปล่อยก๊าซ Co2 
และความประหยัดน้ำมัน
  
       และที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ เวอร์ชันเอส แม้ว่าจะมีแรงม้ามากกว่ารุ่นธรรมดา
 แต่ระดับการปล่อยก๊าซ Co2 ลดลงจาก 355 กรัมต่อ 1 กิโลเมตรมาอยู่ที่
 332 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
จากการทดสอบตามโหมดของ EU อยู่ที่ 19.9 ไมล์/แกลลอน หรือ 8.1 กิโลเมตร/ลิตร
 ในการขับแบบผสมผสาน
      
       นอกจากเครื่องยนต์แล้วในแง่อื่นๆ ก็มีการปรับปรุงด้วยเช่นกัน 
 และอย่าคิดว่าเวอร์ชันเอสเป็นแค่การเพิ่มความแรงจากรุ่นปกติ เพราะตำแหน่ง
การวางเครื่องยนต์ในรุ่นนี้ก็ลดลงจากรุ่นปกติอีก 19 มม. เพื่อประสิทธิภาพในการทรงตัว 
และการทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง
  
       ขณะที่ระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ ADS-Adaptive Damping System
 ก็สามารถเลือกปรับค่าความหนืดของโช้กอัพให้สอดคล้องกับการขับขี่ โดยเลือกได้ 3 แบบ 
คือ Normal, Sport และ Track
       สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกก็มีการปรับปรุงจากรุ่นปกติอยู่พอ สมควร
 ทั้งกระจังหน้าแบบใหม่เป็นลายตะแกรงซี่ถี่ๆ รวมถึงล้อแม็กลายใหม่ และมีชุดแต่งที่เป็น
 Carbon Exterior Package ให้กับลูกค้าได้เลือกใช้บริการเสริมหล่อด้วย
สเกิร์ตคาร์บอนรอบคัน
  
       ใครที่สนใจก็รีบเตรียมเงิน ไว้เลย (แต่ยังไม่บอกว่าราคาเท่าไร
 คาดว่าน่าจะเกิน 200,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 6 ล้านบาทมาอีกนิดหน่อย)
 เพราะการทำตลาดจะมีขึ้นใน 146  ดีลเลอร์ของแอสตัน มาร์ตินทั่วโลกตั้งแต่
เดือนกุมภาพันธ์นี้



Detroit Motorshow : เปิดโลกยานยนต์รับปี 2013 (3) 


GAC ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน เผยโฉมต้นแบบรุ่นใหม่ในชื่อ E-Jet มาพร้อมกับตัวถังซีดาน 4 ประตู
 และใช้เทคโนโลยีระบบไฮบริดแบบ E-REV หรือ Extended Range Electric Vehicle
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,000 ซีซี ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดกำลัง 127 แรงม้า
 ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอัตราเร่งจาก 0-50 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.5 วินาที และ
ล็อกความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
       มาดูความเคลื่อนไหวของงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2013 กันต่อ 
เพราะสีสันและความแปลกใหม่ที่อยู่ในงานนี้ยังมีอีกเยอะ และในตอนนี้
มาดูกันต่อว่าที่ยังหลงเหลืออยู่และหลุดรอดจากการรายงานพิเศษใน 2
 ตอนแรกยังมีอะไรบ้าง
สุดยอดการดัดแปลง เมื่อนำรถสปอร์ตของโตโยต้ารุ่น 2000GT มาดัดแปลงให้เป็น
รถยนต์พลังไฟฟ้า และใช้แผงโซลาเซลล์ดัดแปลงให้เป็นฝากระโปรงหน้า
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 120 กิโลวัตต์ และทำความเร็วสูงสุดได้
 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
      
เชฟโรเลต ซิลเวอราโด ปิกอัพขนาด Full-Size รุ่นใหม่ซึ่งจะเข้ามาเป็นคู่ปรับของ
ฟอร์ด เอฟ-ซีรีส์ และดอดจ์ แรม
      
มาสด้าผลักดันรถยนต์ครอบครัวอย่างรุ่น 6 เข้าสู่การแข่งขันรายการ Gran-AM
โดยจะเข้าร่วมในปีนี้ และส่งนักแข่งทั้งหมด 5 คน
      
      
อาคูราเตรียมบุกตลาดเอสยูวีระดับหรูครั้งใหม่ ซึ่งในตอนนี้เผยโฉมต้นแบบของ MDX
ออกมาแล้ว กับความสปอร์ตและความหรูหราอย่างเต็มพิกัด
      
      
ฝันที่เป็นจริง เมื่ออาคูรา/ฮอนด้าปัดฝุ่นนำโปรเจ็กต์ NSX กลับสู่ตลาดแล้ว
 และนี่คือความเคลื่อนไหวที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นจำหน่ายจริงมากที่สุด
ซึ่งคันนี้ก็ยังเป็นต้นแบบอยู่ และพร้อมวางขายในปี 2015
      
      
จีเอ็มเล่นง่ายๆ จับเอาพื้นฐานระบบของโวลต์มาใช้กับตัวถังใหม่ใน
แบบสปอร์ตคูเป้ระดับหรู และเปลี่ยนมาใช้ชื่อแคดิลแล็ก ELR
ใช้ขุมพลังแบบ E-REV ซึ่งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,400 ซีซีปั่นกระแสไฟฟ้า
ส่งให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 207 แรงม้าในการขับเคลื่อน
      
เล็กซัส IS ใหม่เตรียมพร้อมลุยตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลังขนาดกลาง
พร้อมเครื่องยนต์วี6 ทั้ง 2,500 และ 3,500 ซีซี
      
      
ต้นแบบปิกอัพแห่งอนาคตกับฟอร์ด แอทลาส ซึ่งคาดว่า
คงจะกลายร่างไปเป็นโฉมใหม่ของ F-Series
      
      
 
Detroit Motorshow : เปิดโลกยานยนต์รับปี 2013 (2)
เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล ความแรงและเร้าใจในแบบเปิดประทุน
 พร้อมกำลังขับเคลื่อนในระดับ 616 แรงม้า
       หลังจากนำเสนอเรื่องราวและความเคลื่อนไหว รวมถึงรายละเอียดคร่าวๆ
 ของงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ หรือ NAIAS ไปในตอนที่แล้ว 
ในตอนนี้ยังติดตามความเคลื่อนไหวของตัวงานกันอย่างต่อเนื่อง
 โดยเฉพาะในแง่ของความเคลื่อนไหวในด้านรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ถูกเปิดตัวในงานนี้
  
       และอย่างที่เขียนถึงในตอนที่แล้วว่า ณ ปัจจุบัน งานโชว์ที่ดีทรอยต์ไม่ได้
เป็นงานเฉพาะพื้นที่อีกต่อไป แต่ได้รับการอัพเกรดและยกระดับตัวงานให้
เป็นงานระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ดังนั้น รถยนต์ใหม่ที่เปิดตัวในงานนี้จึง
มีโอกาสที่จะวางขายในตลาดทั่วโลก รวมถึงเมืองไทยด้วย
มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ใหม่เปิดตัวออกมาแล้วพร้อมกับวาระของการเฉลิมฉลอง
 99 ปีแห่งการก่อตั้งแบรนด์มาเซราติ
      
นิสสันหันมาเจาะตลาด รถยนต์ไซส์เล็กที่มีความคล่องตัวนำทางเลือกใหม่ในชื่อเวอร์ซ่า
 โน้ตมาเปิดตัวในสหรัฐอเมริกา พร้อมเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี 109 แรงม้า
      
อีกผลผลิตของนิสสัน ในงานนี้ กับต้นแบบรุ่นเรโซแนนซ์ ในสไตล์เอสยูวีทรงล้ำสมัย
 ซึ่งว่ากันว่าจะได้รับการพัฒนาต่อเนื่องให้กลายเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉม
หรือโมเดลเชนจ์ของมูราโน
      
      
ออดี้กับตัวแรงในสไตล์เอสยูวี SQ5 ซึ่งหันมาเจาะตลาดด้วยสมรรถนะเหนือ
ระดับของเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์วี6 3,000 ซีซี 354 แรงม้า
      
บีเอ็มดับเบิลยูเผยโฉมตัวแรงในแบบ Gran Coupe กับรหัส M6 ซึ่งใช้เครื่องยนต์
วี8 4,400 ซีซี เทอร์โบคู่ในการขับเคลื่อน
      
อินฟินิตี้มากับซี ดานขนาดกลางระดับหรูรุ่นใหม่ในชื่อ Q50
 ซึ่งรับอิทธิพลการออกแบบมาจากต้นแบบรุ่น Essence ที่เปิดตัว
ในปี 2009 และมากับความยาวระดับ 4.7 เมตรนิดๆ
      
      
ต่อจากการเปิดตัว รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของอี-คลาสทั้งตัวถังซีดาน-แวกอน
 รวมถึงคูเป้-เปิดประทุนแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์จัดการเผยโฉมเวอร์ชัน
ความเร้าใจ E63AMG ตามมาทันที ซึ่งเครื่องยนต์วี8 ได้รับการอัพเกรดจาก
 550 แรงม้ามาเป็น 577 แรงม้า และสามารถเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้
 แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
      
      
.โฟล์คสวาเกนเผยโฉม ต้นแบบทรงเอสยูวีในชื่อ Crossblue
ซึ่งจะทำตลาดที่เน้นความอเนกประสงค์ด้วยการบรรทุกผู้โดยสารรวมคนขับ
 7 ที่นั่ง และในรุ่นต้นแบบใช้ขุมพลังไฮบริดที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลเป็นต้นกำลัง
 ในการขับเคลื่อน
      
      
เทสล่า โมเดล เอ็กซ์ ต้นแบบที่จะถูกผลิตออกขายเพื่อเป็นทางเลือกที่ 3
 ต่อจากรุ่นโรดสเตอร์ และโมเดล เอส ถูกนำมาจัดแสดงในงานนี้ กับตัวถังทรงเอสยูวี
 และขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า
      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น